11.11.2550

Stefan Sagmeister



STEFAN SAGMEISTER
Graphic design wizard who won two Grammy Awards with
his unpredicted approaches.

Resume

Stefan Sagmeister เกิดในปี 1962 ที่เมือง Bregenz ประเทศออกสเตรีย ครอบครัว
Stefan Sagmeister ทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบแฟชั่น Stefan Sagmeister ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนประจำท้องถิ่นที่เกี่ยวกับวิศวกรรม จากนั้น Stefan Sagmeister ได้ย้ายไปเรียนกราฟฟิกดีไซน์ที่ Vienna University of Applied Arts เมื่อในปี 1984 Stefan Sagmeister ประสบความสำเร็จในการออกแบบ Vienna's Schauspielhaus Theatre และได้รับการช่วยเหลือเรื่องการรื้อถอนจาก The Ronacher Music Hall และ Stefan Sagmeister ได้จบปริญญาตรีในปี 1985 พร้อมได้รับเงินรางวัลจาก The City of Vienna ต่อมา Stefan Sagmeister ได้เริ่มต้นใช้ชีวิตที่ New York ในปี 1987 Stefan Sagmeisterได้เงินทุนการศึกษาของเขาเพื่อไปเรียนที่ Pratt Institute และเขาก็ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารและทำงานในเขตผู้ลี้ภัยและ Stefan Sagmeister ก็ได้ออกแบบโปสเตอร์สำหรับงานเทศกาล Nickelsdorf Jazz

ต่อมาเขาได้ย้ายไปอยู่ที่ Hongkong ในปี 1991 และได้ทำงานในบริษัทของ Leo Burnett ในปี 1992 งานประกวดโปสเตอร์ที่ชื่อว่า Bum-Bearing 4As ได้มีคนออกมาโต้และวิภาควิจารณ์ และหลังจากนั้นในปี 1994
Stefan Sagmeister ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่ New York อีกครั้ง เพื่อทำงานกับ Tibor Kalman บริษัท M&Co หลังจากนั้น 6 เดือนต่อมา Kalman ได้ปิดบริษัท M&Co ลง.....แต่ Stefan Sagmeister ได้เปิดสตูดิโอของตัวเองขึ้นในปี 1994 Stefan Sagmeister ได้คิด Identity ให้กับบริษัทที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาชื่อว่า Martin's Jeans Stores และ Stefan Sagmeister ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง Grammy Award ในผลงานที่ชื่อ h.p.Zinker's Stores Mountains of Madness
.............................................................................................................

Stefan Sagmeister@TCDC




Stefan Sagmeister
, one of the most multi talented graphic designers of our time.

He has worked with various clients such as The Rolling Stones, Pat Metheny Group, Lou Reed, Douglas Gordon’s Berlin Guggenheim Museum.

His works mix unpredicted techniques with striking point of sensational and humorous. From engraving D-I-Y text on his skin for AIGA Detroit & Cranbrook poster to scientific effect of his experimental project book. Sagmeister’s design method is often simple and basic but witty and dynamic. The strength of his works lies in his ability to conceptualise and come up with stunning original ideas.

He has won over 200 design awards, including four Grammy Awards for his album cover - h. p. zinker mountains of madness which he took the unprecedented step of paying the difference for the cost of production. Sagmeister took a year out in 1999, closing his studio to commercial work and concentrating on his own experimental projects. In 2001 he released the book ‘made you look’, which he compiled all his works from the beginning of his design life.

In 2005 he won a Grammy Award as art director of the once in a lifetime talking heads boxed set packaging. Currently among many projects Sagmeister continues his work on 20 things in my life I have learned so far, a series of typographic pieces inspired by the work of his grandfather that he began in 2004.

......................................................................................................................................................................

สเตฟาน แซกไมสเตอร์ หนึ่งในเซียนกราฟฟิคดีไซน์ผู้มากความสามารถแห่งยุค เคยร่วมงานกับลูกค้ามากมาย ตั้งแต่วงร็อกอย่างเดอะ โรลลิ่ง สโตนส์ และนักร้อง/มือกีตาร์ขาร็อก ลู รีด, วงดนตรีแจ๊ซอย่างแพต เมตธีนีย์ กรุ๊ป ไปจนถึงดักลาส กอร์ดอน ศิลปินที่นำผลงานไปจัดแสดงที่เบอร์ลิน กุกเกนไฮม์ มิวเซียม

ผลงานออกแบบของแซกไมสเตอร์ล้วนน่าตื่นตาตื่นใจและแฝงอารมณ์ขันเพราะผสมผสานเทคนิคที่คุณไม่อาจ
คาดเดาไม่ว่าจะเป็นการกรีดตัวอักษรลงบนผิวหนังของตัวเองเพื่อทำโปสเตอร์โฆษณางานสัมมนาของไอก้า
(AIGA) ในดีทรอยต์และแครนบรูกซึ่งสร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการกราฟฟิกดีไซน์ ไปจนถึงการจัดทำหนังสือรวบรวมผลงานของเขาเองซึ่งเต็มไปด้วยเทคนิคและลูกเล่นต่างๆ วิธีการออกแบบของแซกไมสเตอร์อาจจะดูเรียบง่ายและธรรมดา ทว่าทรงพลังและสะท้อนความเฉลียวฉลาด ซึ่งจุดแข็งของเขาอยู่ที่ความสามารถในการสื่อแนวคิดที่สดใหม่ไม่เหมือนใคร

แซกไมสเตอร์สามารถคว้ารางวัลการออกแบบกว่า 200 รางวัล ที่โดดเด่นคือรางวัลแกรมมี่จากการออกแบบปกอัลบั้มเพลง เอช. พี. ซิงเกอร์ เมาน์เทนส์ ออฟ แมดเนส ที่เขาถึงกับยอมจ่ายส่วนต่างการพิมพ์ปกเพื่อให้ได้งานที่ออกมาสมบูรณ์แบบกว่า ในปี ค.ศ. 1999 แซกไมสเตอร์ปิดตัวเองไม่รับงานนอกเพื่อจดจ่อกับงานทดลองส่วนตัว จนกระทั่งปี ค.ศ. 2001 จึงได้ออกหนังสือชื่อ เมด ยู ลุก ซึ่งรวบรวมงานออกแบบทั้งหมดตลอดช่วงชีวิตการทำงานของเขา

อีกครั้งในปี ค.ศ. 2005 ที่แซคไมสเตอร์ได้รับรางวัลแกรมมี่จากผลงานการกำกับศิลป์ให้แก่ซีดีของนักพูดชุด วันซ์ อิน อะ ไลฟ์ไทม์ ปัจจุบันเขากำลังเดินหน้าผลิตผลงานหลายชิ้น ที่น่าสนใจคือ ทเวนตี้ ธิงส์ อิน มาย ไลฟ์ ไอ แฮฟ เลินด์ โซ ฟาร์ ชุดผลงานการออกแบบตัวอักษรที่ได้แรงบันดาลใจมาจากปู่ของเขาเองซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004

.........................................................................................................................................

http://www.creativitiesunfold.

Stefan Sagmeister Talking

กราฟฟิกดีไซน์ในแบบของ Stefan Sagmeister

ดย สเตฟาน แซกไมสเตอร์

กราฟฟิกดีไซน์เนอร์

ในความคิดของสเตฟาน แซกไมสเตอร์ กราฟฟิกดีไซน์
คือภาษาพิเศษที่มีพลังดึงดูดผู้คนได้ในเวลาอันสั้น ฉะนั้น
เขาจึงให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของการออ

กแบบ ตั้งแต่ความหมายไปจนถึงรูปแบบและวิธีการนำเสนอ

ในงานชุมนุมทางความคิด “Creativities Unfold, Bangkok 2007 – 2008” ณ กรุงเทพมหานคร สเตฟาน แซกไมสเตอร์เล่าถึงชีวิตการทำงานและผลงานต่างๆ ของเขาในอดีต ซึ่งทำให้ผู้ฟังสัมผัสได้ถึงนัยสำคัญเบื้องหลังความงามและปรัชญาการทำงานของชายคนนี้

ประสบการณ์และผลงานใน

ชีวิตของเขาปรับเปลี่ยนและเติบโต
ตามวันเวลา แซกไมสเตอร์เล่าถึงชีวิต
นักอ
อกแบบของเขาใน
5 ประเด็นหลักๆ ดังต่อไปนี้

1. การออกแบบเพื่องานดนตรี
2. การออกแบบเพื่อสังคม
3. การออกแบบสำหรับองค์กร
4. การออกแบบให้ศิลปิน และ
5. ออกแบบอย่างนักประพันธ์

ในช่วงก่อนปี ค.ศ. 2000 แซกไมสเตอร์ อิงค์ ทำงานออกแบบให้กับอุตสาหกรร

มดนตรีเป็นหลัก เขาเคยออกแบบปกอัลบั้มและโปสเตอร์ให้กับวงดนตรีชื่อดังระดับโลกอย่างเดอะ โรลลิ่ง สโตนส์ โลว์ รีด หรือเดวิด เบิร์นมาแล้ว

แต่ในช่วงใกล้สิ้นสหัสวรรษที่ผ่านมา แซกไมสเตอร์หันมาให้
ความสนใจกับการออกแบบเพื่อสังคม เขาเลือกที่จะหันหลังให้ธุรกิจและอุทิศเวลาหนึ่งปีเต็ม (ปี ค.ศ. 2000) ให้กับการทดลองด้าน
การออกแบบของตนเองและเพื่อนๆ

ตลอดหนึ่งปีนั้น แซกไมสเตอร์ทำงานออกแบบเพื่อสังคมหลายอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบโลโก้ใหม่ให้กับมิวสิคเซ็นเตอร์ในประเทศโปรตุเกส งานโครงการรณรงค์ให้รัฐบาลสหรัฐแปรงบสนับสนุนจากกองทัพมาให้ภาคการศึกษาแทน หรืองานออกแบบหนังสือเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน เป็นต้น

หลังจากปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา แซกไมสเตอร์กลับเข้าสู่โลกธุรกิจ และแซกไมสเตอร์ อิงค์ก็กลับสู่ความนิยมอีกครั้ง พวกเขาทำงาน
ให้กับลูกค้ามากมายหลายประเภท ผลงานใหม่ๆ มีทั้งงานออกแบบสำหรับองค์กร งานโลโก้ งานหนังสือ และงานโฆษณา

ต่อมาไม่นาน แซกไมสเตอร์ก็มีโอกาสทำงานออกแบบให้กับศิลปินหลายๆ คน เขาเผยกับผู้ฟังว่า อาจเป็นเพราะด้วยวัยวุฒิที่สูงขึ้น
บวกกับโอกาสที่ได้ไปพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่บ่อยครั้ง เขาจึง
ตัดสินใจลองทำงานให้กับศิลปินดูบ้าง เพราะในขณะนั้น เขาเองก็สนใจในโลกศิลปะอยู่ไม่น้อย

ส่วนในหัวข้อออกแบบอย่างนักประพันธ์นั้น แซกไมสเตอร์กล่าวว่า
ในช่วงหลังๆ นี้ เขาใช้ถ้อยคำและภาษาในงานออกแบบมากขึ้น
แซกไมสเตอร์จดบันทึกเรื่องราวเพื่อย้ำเตือนสิ่งที่คิดและอยากทำ

อยู่เสมอ ซึ่งข้อความในสมุดบันทึกเหล่านี้เองที่กลายมาเป็นผลงาน
ออกแบบชิ้นโบว์แดงของเขาในเวลาต่อมา

เมืองปารีสเคยขอให้แซกไมสเตอร์ออกแบบอะไรก็ได้ลงบนบิลบอร์ดที่ร้างอยู่จำนวนหนึ่ง โจทย์ข้อเดียวคือให้เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อผู้คนที่สัญจรอยู่ในละแวกนั้น แซกไมสเตอร์คัดเลือกข้อความจากสมุดบันทึกของเขาและลองนำเสนอมันด้วยวิธีการใหม่ เขาใช้การถ่ายภาพนำเสนอถ้อยคำเหล่านั้นบนบิลบอร์ด ผลปรากฎว่าสาธารณะชนให้การตอบรับ
ดีมาก มีการทำซ้ำอีกหลายรอบในหลายๆ เมือง ประเทศสิงคโปร์ก็เคยทำงาน

ในลักษณะเดียวกันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางสังคมและกระตุ้นมุมมองใหม่ในชีวิตของชาวสิงคโปร์

ในช่วงท้ายของการบรรยาย แซกไมสเตอร์พูดถึงเทคนิคที่เขานำมาใช้
ในงานออกแบบบ่อยครั้ง ความน่าสนใจอยู่ที่ว่ามันเกี่ยวข้องกับทฤษฎี
การรับสารด้วย

กราฟฟิกดีไซน์นั้นต่างจากภาพยนตร์และงานเขียนอยู่มาก ผู้รับสาร

ของเราจะสนใจสิ่งตรงหน้าแค่เพียงไม่นาน เหมือนเวลามีคนยื่นนามบัตรให้คุณ คุณจะมองผ่านมันเพียงแว้บเดียวเท่านั้น แล้วก็เก็บใส่กระเป๋า หรือถ้าเป็นหน้าเว็บไซต์ คุณก็อยู่กับมันแค่นาทีสองนาทีเอง

ภายในเวลาสั้นๆ ตรงนั้น เราต้องดึงความสนใจจากผู้รับสารให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนามบัตร หนังสือ หรืออะไรก็ตาม อาจจะออกแบบให้มันเคลื่อนไหวได้ มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดา ทำยังไงก็ได้ให้ผู้คนใช้เวลาอยู่กับผลงานนานขึ้นกว่าปกติ จริงๆ กลเม็ดเรียกความสนใจมันก็มี หลายอย่างนะ มุขตลกหรือการแกล้งให้ตกใจก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่สำหรับ

มแล้ว ผมชอบให้คนมีส่วนร่วมในการรับชมผลงานของผมมากกว่าแซกไมสเตอร์กล่าวปิดท้าย

..........................................................................................................................................................................

http://www.creativitiesunfold.com/